วันพฤหัสบดีที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๑
โรคความดันสูง
หลายคนก็คิดว่าต้องวัยทองแน่ ๆ เลย แต่นับวันก็แปลกขึ้น เพราะเป็นทุกวัน แถมไม่มีอาการโรควัยทองที่คนอื่นเป็นคือ หงุดหงิด และนึกจะหนาวก็หนาว นึกจะร้อนก็ร้อนไม่เหมือนชาวบ้าน ...อาการพวกนี้เราไม่เป็นกับเค้า ทำให้เอะใจเหมือนกัน แต่ด้วยความแน่ใจ เราก็ไปตรวจเช็คฮอร์โมน และรอฟังผล ๑ อาทิตย์ ซึ่งเมื่อวานนี้ก็ครบกำหนด ๑ อาทิตย์
ผลปรากฏว่า ฮอร์โมนปกติ ไม่มีปัญหาในเรื่องฮอร์โมน ...อ้าว...แล้วเราเป็นโรคอะไรกันแน่ ....? ก็คุยกับหมอ ถามหมอว่า ความดันสูงล่ะคะ เกี่ยวหรือเปล่า? (เพราะเราเช็คในเน็ตแล้ว อาการของความดันสูงคล้ายกับเรามาก คือปวดหัว แน่นหน้าอก อีกอย่างเมื่อตอนที่ตรวจสุขภาพประจำปีของปีนี้ ความดันเราสูงพอควร และตอนที่มาหาหมอเช็คฮอร์โมน ความดันเราก็สูงคือ 142/92)
หมอบอกว่า อืม...มีสิทธิ์ใช่ เพราะความดันสูงพอควร ...หมอก็ถามเรื่องกินเค็มหรือเปล่า เราก็ว่าเปล่า ...และถามว่ามีบุคคลในครอบครัวเป็นความดันสูงหรือเปล่า เราก็ว่า พ่อเราเป็นอยู่ ...และถามเรื่องความเครียด เราก็บอกว่า มีเครียดเรื่องลูกสาว...
หมอให้ยาลดความดันมาทดลองกินดู ๒ อาทิตย์ ถ้าอาการดีขึ้นก็แสดงว่า เป็นโรคความดันสูง อาการที่เกิดขึ้นเกิดจากปัญหาโรคความดันสูง แต่ถ้าไม่ดีขึ้น ก็ต้องดูกันต่อไปว่าเป็นโรคอะไร...
เฮ้อ...เซ็งไปเลย เมื่อวานนี้พอคุยกับหมอเสร็จ ลองวัดความดันดู ครั้งแรกได้ 161/98 ตกใจมาก เลยลองวัดอีกครั้ง คราวนี้ก็สูงอีก 159/110 สูงมาก ๆ เลย เพราะปกติที่ผ่านมาจนถึงปีที่แล้ว ความดันเราปกติมาก ๆ ไม่มีปัญหาเรื่องความดันเลย แต่ปีนี้สูงแบบน่าเกลียดมาก ๆ
อ่านรายละเอียดเรื่องโรคความดันแล้ว เป็นโรคที่รักษาไม่หาย และต้องกินยาไปตลอดด้วย ต้องระวังตัวเองอย่างมาก ๆ ถ้าเป็นมาก ๆ ก็เป็นโรคหัวใจตามมา เพราะเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่พอเพียง สมองมีปัญหา ถึงขั้นเป็นอัมพาตได้ และอยู่ดี ๆ ล้มลง ตายลงได้
นี่พิมพ์ไปก็มึนหัวไปนะเนี่ย....หมอให้ยามากินหลังอาหารมื้อเช้าครั้งเดียว ครั้งละ ๑ เม็ด
วันเสาร์ที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
ดอกไม้ฤดูใบไม้ผลิ
Golden week 2008
เมื่อช่วงวันหยุด golden week ของญี่ปุ่นปีนี้ ก็ไม่รู้จะไปไหนดี วันเสาร์ทำงาน วันอาทิตย์ก็ไปบ้านพี่นัน สอนการใช้คอมฯ การสมัครเมล์ การเล่น msn ฯลฯ พ่อกับเจ้าตัวเล็กก็ไปสนามม้า เพราะเคยสัญญาว่าจะพาไปนานแล้ว แต่ไม่ได้ไปสักที แต่เล่นไม่ได้ มาบอกตอนหลังว่าหัวหน้าฝากซื้อด้วย ของหัวหน้าเค้าได้ ๕-๖ หมื่นเยน แล้วเค้าเอาเงินให้พ่อเด็กวันไปทำงาน ให้มา ๑ หมื่นเยน เราฟังแล้วก็ อิๆ.. แต่คุณพ่อเค้าก็มีโปรแกรมในการใช้เงินช่วงเด็กปิดเทอมหน้าร้อนเป็นที่เรียบร้อย ก็เตรียมการเสียเงินต่อไป
วันจันทร์ไม่รู้จะไปไหนกัน ก็ตัดสินใจไป odaiba กัน แต่ก็ไปกันแค่สามคน พ่อ แม่ เจ้าตัวเล็ก ส่วนคนโตต้องไปทำงานพิเศษ คนกลางก็มีนัดกับเพื่อนแล้ว
รูปข้างบนนี้ มีการถามตอบปัญหาเกี่ยวกับสัตว์โลกดึกดำบรรพ์ มีเด็ก ๆ มายืนคอยที่จะตอบปัญหากันหลายคนเลย มีอยู่ ๓ ปัญหา ใครตอบได้ จะได้รางวัลเป็นหนังสือมีรายละเอียดเกี่ยวกับสัตว์โลกดึกดำบรรพ์ เจ้าตัวเล็กของเราตอบได้หมดทุกข้อ แต่เสียดายที่ยกมือแล้ว แต่ทางพิธีกรไม่เรียกเจ้าตัวเล็กของเราเลย ทำให้อดไป อีกอย่างไม่ยอมเขยิบตัวไปยืนหน้า ๆ มัวแต่เกรงใจคนอื่น (นิสัยเหมือนพ่อเลย เฮ้อ...) พอคนอื่นเค้าเขยิบออกแทนที่จะเขยิบเข้าไปยืนแทนที่ หนุ่มของเราก็มัวแต่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เด็กอื่นมาทีหลังเค้าเข้าแทรกไปยืนหน้าหมด เวลายกมือ พิธีกรก็เรียกแต่หนู ๆ ด้านหน้า เจ้าหนุ่มของเราเลยอดไปเลย (แม่เสียดายสุด ๆ)
กว่าจะกลับกันก็เย็นมาก ๆ จากนั้นก็แวะไปกินซูชิ ร้านนี้มีชื่อพอควร เข้าแถวคอยกัน ก็คอยครู่ใหญ่ ๆ พอควร กว่าจะได้กิน แถมสั่งไปแล้วนานมากกว่าจะได้ มีสลัดมาก่อนให้นั่งกินสลัดจนเสร็จไปแล้ว ซูชิก็ยังไม่มา แต่สุดท้ายก็ได้อิ่มกันสบายไป กว่าจะถึงบ้านก็ค่ำพอควร
พอวันอังคารเราไปทำงาน เสร็จจากงานคุณพ่อกับเจ้าตัวเล็กคอยอยู่ที่สวนใกล้ ๆ ที่ทำงาน ก็ตามเคย ไปกันสามคนพ่อ แม่ เจ้าตัวเล็ก ตัดสินใจกันอยู่ครู่ ว่าจะไปไหนกันดี ตกลงไปสวนเบรุมอนด์ ที่อยู่ใกล้ ๆ อำเภอ หาซื้ออาหารกลางวันและเสื่อไปปูกินกัน
เสร็จจากสวนนี้ก็ไปเล่นเกมส์ที่ซาตี้ และซื้อของกัน แล้วก็กลับบ้าน .... นี่แหละแต่ละวันของช่วงวันหยุด .... คุณพ่อมาพูดตอนหลังว่า คราวนี้วันหยุดรู้กระทันหันไป ทำให้ไม่สามารถพาไปพักโรงแรมอาบน้ำแร่กันได้ หยุดหน้าร้อนจะต้องรีบขอจองโรงแรมล่วงหน้าเลย โดยไม่สนงานแล้ว ขอหยุดเองเลย ไม่ยอมให้เสียโอกาสที่จะพาครอบครัวไปเที่ยวแล้ว ... คุณพ่อที่รักครอบครัว คุณแม่ที่จะต้องยอมเสียเงินเพื่อให้คุณพ่อได้ทำอย่างที่ใจต้องการ....
วันอังคารที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๑
วันเกิด ๒ คน
ว่าจะเขียนตรงนี้ก็ไม่ได้เขียนสักที วันเกิดของ หนึ่งหนุ่มหนึ่งสาวที่ผ่านมา ก็ตรงกับวันเสาร์ของปีนี้ เราก็ไปทำงาน ไม่ได้ทำอะไรให้กินเป็นพิเศษ ส่วนของขวัญก็ให้ล่วงหน้าไปแล้ว คือเจ้าตัวเล็กก็เป็นหนังสือ เจ้าคนกลางนี้ก็เป็นจักร (เจ้าตัวดีใจมาก ๆ พ่อกับแม่ก็ดีใจ ที่ลูกดีใจ แถมของเป็นของที่ใช้ในบ้าน เป็นของจำเป็น อิๆ)
จักรเราสั่งซื้อทางเน็ต ราคา ๒๓,๘๐๐ เยน ตอนวันเกิดแต่ใช้วันเกิดของเจ้าตัวเล็ก เพราะเจ้าคนกลางบอกว่า จะได้ไม่ต้องสิ้นเปลือง และไม่ยุ่งยากด้วย
เราเลยซื้อขนมเค้ก เล็ก ๆ ,ปุริน,เคนตั้กกี้ ให้กินกัน
วันอาทิตย์ที่ ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๑
ซากุระ
ดอกไม้ประจำชาติของญี่ปุ่น เป็นที่รู้จักทั่วโลก พอเอ่ยชื่อ "ซากุระ" คนก็รู้กันแล้วว่า อ้อ...ดอกไม้ของประเทศญี่ปุ่น
ดอกซากุระนี่สวยงามมาก ๆ ทรงต้นจะใหญ่โตเป็นพุ่ม เวลาดอกบานก็บานทั้งต้น เวลาร่วงหล่น ก็หล่นเป็นกลีบ ๆ โปรยปริวเหมือนหิมะร่วง สวยงามมาก ๆ ยามกลางคืน แสงไฟส่องที่ดอกก็สวยงามมาก ๆ ดอกจะบานตอนช่วงฤดูใบไม้ผลิ แล้วแต่อากาศของแต่ละจังหวัด จังหวัดภาคไหนอุ่นก่อนก็บานก่อน ก็ประมาณว่า บานไล่จากภาคใต้ขึ้นสู่ภาคเหนือ
ที่โตเกียวก็จะบานประมาณช่วงปลายเดือนมีนาคม ถึงต้นเดือนเมษายน สีของดอกจะมีประมาณ ๗ สี สวยงามแตกต่างกันไป แต่ที่มากที่สุด คือสีชมพูอ่อน
ส่วนภาพข้างล่างนี้ เป็นดอกอะไรก็ไม่ทราบเหมือนกัน คงต้องค้นหาก่อน แต่จะบานช่วงเดียวกับซากุระนี้ สวยงามมาก ๆ บานพร้อมกันทั้งต้น เป็นดอกเล็ก ๆ สีขาว
ส่วนดอกของภาพข้างล่างนี้ เป็นของแถมในช่วงฤดูใบไม้ผลินี้
พ่อครัว
เจ้าหนุ่มน้อยของที่บ้านชอบเข้าครัวอย่างมาก ๆ ที่ชอบทำมากที่สุดคือ สลัด ใส่แครรอท แตงกวา ปลาทูน่า
และเมื่อไม่นานมานี้ ก็ทำข้าวปั้นให้พี่สาวกินกัน แต่ปั้นแบบสามเหลี่ยมไม่เป็น ทำเป็นก้อนกลม ๆ แทน
วันจันทร์ที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
ย้อมผม
เพราะอะไร ? ก็วัน ๆ มีแต่เรื่องปวดหัวใจ เดี๋ยวคนนั้น เดี๋ยวคนนี้ นี่เจ้าลูกสาวตัวดีก็ย้อมผมอีกแล้ว ทั้ง ๆ ที่อีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอมแล้ว เฮ้อ...แถมย้อมครั้งเดียวไม่สะใจ สีไม่ค่อยเด่น ต้องย้อมอีกครั้ง โดยเสียเงินซื้อน้ำยามาอีกรอบ
เธอก็ขอให้แม่ย้อมมา ๒ วันได้แล้ว แต่เราเรอะก็ทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย ไม่ว่าจะทางร่างกายและจิตใจ ทำงานทั้งวัน ปวดร้าวทั้งแขนและบ่า แต่เธอก็ไม่สนใจว่าแม่จะปวดแค่ไหน แถมขอไม่ให้แม่นอนไว ๆ อีก ทั้ง ๆ ที่ก็บอกว่า พรุ่งนี้แม่ต้องตื่นแต่เช้าไปทำงาน...
แต่เราก็ยอมให้เธอไม่สะใจเธอ ด้วยการหนีขึ้นไปนอนก่อน เป็นอย่างนี้สองครั้งแล้ว แหม...ก็คุณเธอเล่นกลับบ้าน ๕ ทุ่มกว่า ใครจะคอยได้ล่ะ ถ้าย้อมผมให้มิเสร็จตีหนึ่งเหรอ คนที่ตายก็คือเรา...
นี่เธอก็เลยให้น้องย้อมให้เมื่อกลางวันของวันนี้ และก็จะให้ย้อมอีกในวันพรุ่งนี้ ความจริงจะให้เราย้อมให้คืนนี้แหละ แต่สี่ทุ่มครึ่งแล้ว เธอยังไม่กลับ จะให้แม่นอนกี่โมงอีกล่ะ ไม่ไหวหรอก เจ้าลูกสาวจอมดื้อ...
ตำราเรียนก็ยังไม่ได้เอามาจากโรงเรียนเลย แถมผลการสอบ(สมุดพก)ด้วย ไม่รู้เป็นไงบ้าง พ่อกับแม่ยังไม่เห็นเลย ว่าผลการสอบเป็นยังไงบ้าง
วัน ๆ มีแต่เรื่องกลุ้มใจ โดยเฉพาะเจ้าลูกสาวคนนี้ มีเรื่องกลุ้มใจมาให้ทุกวี่ทุวัน เมื่อไหร่หนอ...ที่จะมีเรื่องที่ให้ดีใจมาให้พ่อแม่น๊า?...
วันพุธที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
โล่งใจ
พ่อเค้าก็ถามความรู้สึกเรื่องโรงเรียน เค้าก็บอกว่า "อยากออก ไม่ขอเรียนต่อแล้ว" พ่อก็ถามว่า "หลังจากออกแล้วคิดยังไงทำอะไรต่อ" เค้าก็บอกว่า "ทำงานพิเศษ พร้อมกับเรียนที่บ้าน" พ่อเค้าก็ "ที่เรียนที่บ้านนั้น ทำไมถึงเรียน" เค้าบอกว่า "เพราะต้องให้จบมัธยมปลาย" พ่อก็เลยเริ่มเลย "มีปัญหาอะไร ที่โรงเรียน ในเมื่อเธออยากได้ใบประกาศ" "ถ้าเรียนที่บ้าน ไหนเธอจะทำงานด้วย รับรองต่อไปเธอก็จะไม่ยอมเรียน เพราะกว่าจะตื่นนอน กว่าจะทำนั่นทำนี่ เที่ยว ทำงานอีก พอดีไม่มีเวลาเรียนเลย" "และการเรียนที่บ้านไม่ใช่ว่าจะจบกันง่าย หยุดกันกลางคันก็เยอะ ถ้าเรียนต่อก็ไม่ใช่ว่า แค่ ๒-๓ ปีจบกันได้ ส่วนใหญ่ก็อย่างน้อย ๕ ปีกัน สู้เธอตั้งใจเรียนต่อที่เดิมนี่ แค่ ๒ ปี ดีกว่าออกมา แล้วไม่รู้ว่ากี่ปีจบ แถมไม่จบอีกด้วยซ้ำไป"
ก็คุยกันยาว จนสุดท้าย พ่อบอกว่า "เรียนต่อไปนะ" เค้าก็พยักหน้ารับปาก เราซึ่งนั่งฟังอยู่ข้าง ๆ ง่วงก็ง่วง แต่พอได้ยินก็โล่งใจอยากมาก ๆ จากที่คุยกับครูเสร็จแล้วมีอาการเจ็บหน้าอก ก็หายไปเลย
แต่วันนี้ไม่ยอมไปโรงเรียนแฮะ เห็นบอกว่าชั่วโมงเรียนหมดแล้ว วันนี้ครูเค้าได้แต่พูดเฉย ๆ ไม่มีเช็คชั่วโมงเรียน เฮ้อ... เราก็ไม่รู้เหมือนกัน ปลุกแล้วปลุกอีก ไม่ยอมลุก นี่วันพรุ่งนี้ก็วันฮารุก็หยุด วันมะรืนนี้ก็เห็นว่า บริษัทอะไรมาพูดอีก ก็ไม่รู้ว่าคุณเธอจะหยุดอีกหรือเปล่า เซ็งไปเลย ...
วันจันทร์ที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
สาวน้อยจอมดื้อ
ไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรของเธอ คิดสั้น ๆ คิดแต่ว่าไม่อยากเรียน แค่นี้เอง แต่ไม่คิดว่า ไม่เรียนแล้วจะทำอะไรต่อ ก็แค่คิดง่าย ๆ อีกว่า ทำงานพิเศษ ซึ่งพ่อเค้าก็ไม่ยอมอยู่ดี บอกว่า"ถ้าทำแค่นี้ล่ะก็ ออกจากบ้านเลย"
เราก็ไม่รู้จะว่าไงดีแล้ว เพราะเธอยืนกระต่ายขาเดียวว่า "ออก" ไม่ยอมเรียนต่อ ทั้ง ๆ ที่ทั้งพ่อและแม่ก็ชักแม่น้ำทั้งหมดมาพูดแล้ว ก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนใจ
ที่รู้ ๆ ตอนนี้เราทั้งกลุ้มทั้งเซ็งระเบิดไปเลย เพราะไม่อยากให้เค้าออกเลย และไม่อยากให้ครอบครัวมีปัญหาที่แก้ไม่ได้อย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ช่วงหลัง ๆ มานี้เค้าก็ทำตัวดี ครูก็ชมว่าตั้งใจไปเรียนกว่าเมื่อก่อน และตอนนี้ก็กินข้าวบ้านดี ในบ้านมีเสียงพูดคุยกันดี หัวเราะกัน เราว่าอย่างนี้ก็ดีแล้ว
นี่ผลการสอบของเธอออกมา วิชาภาษาอังกฤษ เต็ม ๑๐๐ ได้ ๙๐ กว่า ได้ที่หนึ่งของห้องเลย แต่วิชาอื่นเห็นว่าได้น้อย เฮ้อ...เสียดายจัง
ทำไมหนอ ...
ถ้าทำอะไรไม่ได้แล้ว คราวนี้คงต้องที่ตัวเราแล้ว คือ "ทำใจ" ทำให้ได้มากที่สุด ในการวางอุเบกขา ตัวนี้ยากมากที่สุด ในจำนวน ๔ อย่างของ พรหมวิหารสี่ ที่มี เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว เราก็ต้องทำให้ได้ ไม่งั้น คนที่ตายแบบน่าสมเพชมากที่สุดก็คือเราเอง ...
วันอาทิตย์ที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
แผ่นดินไหว
และเมื่อเช้ามืดนี้ตอนประมาณตี ๔ กว่า ๆ เกือบตี ๕ ได้เกิดแผ่นดินไหวแรงอีก แต่ทั้งสองคืนเลย จะไหวแค่ครั้งเดียวแล้วก็หยุดไป
ก็อย่างเคยเราก็รีบไปเปิดประตูห้องเราและห้องของเด็ก
วันอาทิตย์ที่ ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
วันเกิด
วันเสาร์ที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
วันแรกแห่งการเปิดเว็บ
ก็คิดแล้วคิดอีก อ่านเพิ่มเติมจากที่นั่นที่นี่อีกนิดหน่อย ก็สมัครใช้เลย โดยใช้โดเมนเนมในนามว่า "สคริปแฟมิลี่" "Scriptfamily.com"
สาเหตุที่ใช้ชื่อนี้ ก็เพราะจะได้เป็นตัวแทนของครอบครัว เป็นจุดรวมของครอบครัว ทั้งครอบครัวที่เมืองไทยและครอบครัวที่ญี่ปุ่น
เค้าให้เนื้อที่ในเรื่องของเมล์ โดยคนที่มาสมัครก็สามารถใช้ชื่อเมล์ โดยมีต่อท้าย @scriptfamily.com ให้ความหมายถึงใครที่ใช้เมล์นี้ ก็เหมือนเข้ามาอยู่ในครอบครัวเดียวกัน มีอะไรช่วยเหลือกัน มีสุขร่วมสุข มีทุกข์ร่วมทุกข์ ปรับตัวเข้าหากัน ทั้งบอกเล่า ระบายสู่กันฟัง...